• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ความสัมพันธ์ระหว่างวิตามินซีและโรคเบาหวาน


มีการค้นพบว่า ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีระดับวิตามินซีต่ำ จะทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น รวมทั้งมีอาการอื่นแทรกซ้อน เช่น อาการหัวใจล้มเหลว, ไตวาย ตาบอด และแผลเปื่อย

ในการศึกษาผู้ป่วยโรคเบาหวาน 60 ราย ที่โรงพยาบาลรอยัล ปรินซ์ อัลเฟรต นครซิดนีย์ ออสเตรเลีย พบว่าผู้ป่วยเหล่านี้มีระดับวิตามินซีต่ำกว่าคนปกติร้อยละ 50-80 แพทย์จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ สรุปว่า ผู้ป่วยเบาหวานที่มีอาการรุนแรงมากเท่าใด จะมีอาการขาดวิตามินซีมากเท่านั้น ผลการสังเกตเช่นนี้ ได้มีนักวิจัยชาวอินเดียเคยค้นพบเมื่อ 10 ปีที่แล้ว แต่ไม่ค่อยมีไตรสนใจการค้นพบนั้น เนื่องจากแพทย์ทั้งหลายเข้าใจว่า เป็นสาเหตุจากภาวะทุโภชนาการมากกว่าโรคเบาหวาน

คณะแพทย์จากมหาวิทยาลัยซิดนีย์ได้ทำการวัดระดับวิตามินซีในเลือดและปัสสาวะเพื่อจะหาทางพิสูจน์ว่า การขาดวิตามิน ซี ก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนยิ่งขึ้นในผู้ป่วยโรคเบาหวาน
วิตามิน ซี เป็นตัวช่วยให้ร่างกายสามารถจัดหาวิตามินอีซึ่งจำเป็นสำหรับการป้องกันการทำลายเนื้อเยื่อจากฟรี แรติคัลส์ ออกซิเจน (free radicals – โมเลกุลของออกซิเจนที่มีความสามารถในการเติมออกซิเจน ให้สารอื่นได้รวดเร็ว) นอกจากนั้น วิตามิน ซี ยังช่วยในการสร้างคอลลาเจน ซึ่งเป็นโปรตีนที่จำเป็นของร่างกาย ผู้ป่วยโรคเบาหวานจึงมีคอลลาเจนไม่เพียงพอ จึงมีแนวโน้มที่จะเป็นโรคเกี่ยวกับหลอดเลือดและแผล ซึ่งจะหายยาก เพราะขาดคอลลาเจน

นายแพทย์เดนนิส ยู ค้นพบความสัมพันธ์ระหว่างภาวะขาดวิตามิน ซี และความผิดปกติของคอลลาเจนในหนูที่เป็นเบาหวาน แต่อย่างไรก็ตาม แม้ว่าเราจะทราบบทบาทที่สำคัญของวิตามินซี ดังกล่าวมาแล้ว แต่มันก็คงจะเร็วเกินไปที่จะแนะนำให้มีการใช้ในการรักษา
คณะนักวิจัยกำลังใช้ความพยายาม เพื่อพิสูจน์หาสาเหตุของการขาดวิตามิน ซี ในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ว่าเนื่องมาจากการที่ร่างกายไม่สามารถดูดซึมเข้าไปได้ หรือว่ามีการสูญเสียไปทางปัสสาวะ

เรียบเรียงจาก Vitamins linked to diabetes จาก New Scientist vol. 119 No.1621, 1988 หน้า 38)


 

ข้อมูลสื่อ

113-010
นิตยสารหมอชาวบ้าน 113
กันยายน 2531
รศ.จันทร์เพ็ญ วิวัฒน์