• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

โรคประสาทฮิสทีเรีย

เชิญเล่าเรื่องให้เพื่อนฟัง ขอเชิญท่านผู้อ่านร่วมเขียนเรียงความเล่าประสบการณ์ การดูแลรักษาสุขภาพตนเอง หรือให้แก่ผู้อื่น (สมาชิกในครอบครัว เพื่อนบ้าน หรือเพื่อนร่วมงาน) ความยาวไม่เกิน 2 หน้ากระดาษฟุลสแก๊ปโดยประมาณ ส่งไปยังสำนักงานหมอชาวบ้าน ก่อนวันที่ 25 ของทุก ๆ เดือน  คณะกรรมการจะตัดสินเรียงความทุกเดือน โดยคัดเลือกเรียงความที่เหมาะสมที่สุด ลงตีพิมพ์ เรื่องใดที่ตีพิมพ์ลงในหมอชาวบ้าน ผู้เขียนจะได้รับสิทธิพิเศษเป็นสมาชิกหมอชาวบ้าน ฟรี 2 ปี (หรือจะสมัครให้ผู้อื่นก็ได้)


เมื่อผมอายุได้ 16 ปี ป่วยเป็นโรคแปลก ๆ ชนิดหนึ่ง มีอาการอ่อนแรงทั้งแขนและขา ถ้าเป็นหนัก ๆ ก็ต้องนอนอยู่กับที่เดินไปไหนไม่ได้ คล้ายกับเป็นอัมพาต ถ้าเป็นไม่หนัก เวลาเดินจะเสียการทรงตัว ไปหาหมอมาจนนับครั้งไม่ถ้วน อาการก็ไม่ดีขึ้น กลับเป็นขึ้นมาอีก ในระหว่างป่วยบางครั้งไม่ต้องไปหาหมอก็หายเองโดยไม่ต้องกินยา และถึงจะไปหาหมอในขณะที่ป่วยอยู่ อาการก็ไม่ใช่ว่าจะดีขึ้น หมอตรวจแล้วบอกว่าปกติดีทุกอย่าง เอกซเรย์ก็ไม่พบอะไรผิดปกติ สร้างความทรมานใจให้ผมมาก แต่ละครั้งที่ป่วย ผมอธิบายไม่ถูก คิดแต่อยากจะตาย เพื่อหนโรคร้ายนี้เท่านั้น

จนอายุได้ 21 ปี (พ.ศ. 2525) ถูกเกณฑ์ทหาร บอกหมอตอนตรวจร่างกายว่าผมเป็นโรคนี้อยู่ หมอที่ตรวจหาว่าผมโกหก ผมจับสลากได้ใบแดงต้องเข้ารับราชการทหาร ชีวิตทหารใหม่ที่เริ่มการฝึก (ที่ชุมพร) เหมือนถูกส่งไปลงนรก อาการป่วยของผมทวีความรุนแรงขึ้นกว่าครั้งใดในชีวิต นอนอยู่ในหน่วยเสนารักษ์เป็นเดือน ๆ ในลักษณะเหมือนคนเป็นอัมพาตอย่างนั้น หายก็ไม่หาย ตายก็ไม่ตาย จนหมอหมดความสามารถ ต้องส่งผมเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถูกส่งไปรักษาที่แผนกจิตเวช รักษาประมาณ 1 เดือนอาการดีขึ้น หมอจึงส่งตัวผมกลับเข้ากรม
ผมเข้าใจว่าคงหายเป็นปกติดีแล้ว แต่เมื่อเข้ารับการฝึกทหารใหม่ ผมล้มป่วยอีกเป็นครั้งที่ 2 และถูกส่งมารักษาที่โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้าอีก

ครั้งนี้เองที่ทำให้ผมรู้ว่า ผมป่วยเป็นโรคประสาทแบบฮิสทีเรีย ชนิดคอนเวอร์ชั่น (บางคนเข้าใจว่า คนที่เป็นฮิสทีเรียเป็นคนที่มีความต้องการทางเพศมาก ซึ่งเป็นการเข้าใจผิด) ครั้งแรกที่รู้ผมเฉย ๆ เพราะไม่เข้าใจเกี่ยวกับโรคแบบนี้ การรักษาหมอก็ให้แต่ยาที่กินแล้วง่วงนอน และมีกิจกรรมเข้ากลุ่มกับผู้ป่วยร่วมกันบ้างเป็นบางครั้ง อาการดีขึ้น หมอส่งตัวผมกลับเข้ากรมตามเดิม
กลับเข้ากรมอาการก็เป็นขึ้นมาอีก จนต้องเข้ารับการรักษาอีก เป็นอยู่อย่างนี้กลับไปกลับมา ผมแสนจะเอือมระอากับการหาหมอ จนปี 2527 ปลดจากทหารกองประจำการ อาการป่วยก็ยังเป็น ๆ หาย ๆ อยู่ตลอดมา ผมสนใจและชอบอ่านหนังสืออยู่บ้าง ได้พบนิตยสารฉบับหนึ่ง มีเนื้อหาในทางจิตวิทยาหลายรูปแบบในชีวิตคนเรา และยังมีข้อเขียนสอดแทรกเกี่ยวกับอาการป่วยต่าง ๆ ทางโรคจิตและประสาท ซึ่งโรคประสาทแบบฮิสทีเรียที่ผมป่วยอยู่ก็มีในหนังสือนี้

ผมได้ประจักษ์กับตัวผมเองถึงโรคนี้ นอกเหนือจากการเป็นอัมพาตหรืออ่อนแรงที่แขนขาแบบผมแล้ว บางรายยังมีอาการอ้าปากไม่ขึ้น บางรายมีอาการตามองไม่เห็น หูไม่ได้ยินเสียง ชักโดยไม่รู้ตัว มีอาการเกร็งของแขนขา หรือหายใจไม่ออก (เป็นชั่วคราว) อาการต่าง ๆ เหล่านี้จัดอยู่ในจำพวกโรคประสาทแบบฮิสทีเรีย หนทางการรักษานั้น หมอต้องใช้กระบวนทางจิตบำบัดเท่านั้น การใช้ยาเพียงอย่างเดียวไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ถ้าปราศจากการรักษาที่ต้นเหตุ ซึ่งมีสาเหตุมาจากความเครียด ความวิตกกังวล อาการดังกล่าวเมื่อเกิดขึ้นในจิตใจแล้วไม่มีทางระบายออกในทางที่ถูกที่ควร ก็จะเปลี่ยนแปลงความเครียด ความวิตกกังวลนั้นมาเป้นความเจ็บป่วยทางร่างกายแทน ทำให้มีอาการต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว

เมื่อรู้ต้นเหตุของโรคและรู้วิธีการรักษาแล้ว ผมเริ่มรักษาจิตใจของผมเองโดยหัดรู้จักธรรมชาติของความเครียด ความวิตกกังวล และหาทางระบายออกในทางที่ถูกที่ควร โดยการหาทางออกให้กับปัญหาที่ทำให้เกิดความคับข้องใจ และพยายามขจัดปัญหาความขัดแย้งที่เกิดขึ้นทางอารมณ์ให้หมดไป
อาการป่วยของผมก็ดีขึ้นเป็นลำดับ ไม่เคยหวนกลับไปเป็นอัมพาตแบบก่อนอีกเลย ทั้งสุขภาพจิตก็ดีขึ้นอย่างมาก รู้จักการปรับตัวเข้าหาคนอื่นและการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข และท้ายที่สุดผมก็คิดอยู่เสมอว่า ชีวิตทุกชีวิตเกิดขึ้นมาพร้อมกับปัญหา เราต้องรู้จักแก้ปัญหาชีวิตให้เป็น ผ่านความกดดันของชีวิตให้ได้ โดยการรู้จักหาทางออกของชีวิตให้เป็นสุข
 

ข้อมูลสื่อ

113-024
นิตยสารหมอชาวบ้าน 113
กันยายน 2531
สมาชิก 77-21