จะมีการจัดมหกรรมสมุนไพรไทย ครั้งที่ ๖ ในวันที่ ๒-๔ กันยายน พ.ศ.๒๕๕๒ ณ เมืองทองธานี
การรักษาโรคด้วยสมุนไพรเป็นภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมทุกท้องถิ่นทั่วโลก ตามธรรมชาติของมนุษย์ไม่ว่าอยู่ที่ใดๆ ในโลก ก็ต้องดิ้นรนต่อสู้เรียนรู้ให้อยู่ให้ได้ในสิ่งแวดล้อมนั้นๆ และอยู่ให้ได้ดี ผลของการดิ้นรนต่อสู้เรียนรู้ก็เกิดเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดกันมา เพื่อการทำมาหากิน ความเป็นอยู่ การรักษาตัว การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม การไกล่เกลี่ยความขัดแย้ง สุนทรียธรรม และการยกระดับจิตใจให้สูงขึ้น รวมเรียกว่า วัฒนธรรม
วิถี ชีวิตตามวัฒนธรรมช่วยให้เกิดความสมดุลของการอยู่ร่วมกันระหว่างมนุษย์กับ มนุษย์ และระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติแวดล้อม ดุลยภาพทำให้เกิดความยั่งยืน วิถีชีวิตตามวัฒนธรรมจึงยั่งยืนมาได้หลายพันปี
แต่ปัจจุบันนี้วิถีชีวิตร่วมกันถูกตีแตก เกิดความล่มสลายของการอยู่ร่วมกันและวิกฤติต่างๆ แม้เราจะเรียกว่า วิกฤติเศรษฐกิจ วิกฤติสังคม วิกฤติสิ่งแวดล้อม เบื้องลึกคือวิกฤติวัฒนธรรม หรือวิกฤติการอยู่ร่วมกัน
มีอำนาจ ๓ ชนิดที่มากระแทกวัฒนธรรมแตก คือ อำนาจรัฐ อำนาจเงิน อำนาจระบบการศึกษาที่อยู่นอกวัฒนธรรม
เพราะฉะนั้น จะไปหรือไม่ไปงานมหกรรมสมุนไพรไทย พึงระลึกรู้ว่า สมุนไพรไทยไม่ใช่เป็นเรื่องของหยูกยาเท่านั้น แต่อยู่ในบริบทใหญ่เรื่องวัฒนธรรม อย่าไปมองแยกส่วนโดดๆ มองให้เห็นว่าวัฒนธรรมเป็นเครื่องมือของการสร้างดุลยภาพของการอยู่ร่วมกัน และดุลยภาพของการอยู่ร่วมกันทำให้เกิดความยั่งยืน อะไรที่แยกส่วน ไม่ว่าจะเชื่อว่าดีอย่างไรก็นำไปสู่การเสียดุลยภาพและความไม่ยั่งยืน
สรรพสิ่งล้วนเชื่อมโยงสัมพันธ์ เป็นไปได้อย่างไรที่ผู้ใด องค์กรใด สถาบันใด จะคิดแต่ผลประโยชน์เฉพาะตน เฉพาะองค์กร เฉพาะสถาบัน โดยไม่คิดเชื่อมโยงกับทั้งหมด มีแต่เซลล์มะเร็งเท่านั้นที่ไม่คำนึงถึงระบบ ก่อให้เกิดการเสียดุลยภาพ และความตายของชีวิต และของตัวเซลล์มะเร็งด้วย
แต่เราเป็นคน ไม่ใช่มะเร็ง
- อ่าน 4,358 ครั้ง
พิมพ์หน้านี้