• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ทางด่วนชีวิต กล้ามเนื้อหัวใจตาย-เสี้ยวนาทีแห่งชีวิต

ทางด่วนชีวิต กล้ามเนื้อหัวใจตาย-เสี้ยวนาทีแห่งชีวิต
 

"บันทึกประสบการณ์จากผู้เยี่ยมสำรวจสถาบันพัฒนาและรับรองคุณภาพโรงพยาบาล สะท้อนความรู้สึกดีๆ ที่คุณหมอ (บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุข) มุ่งมั่นพัฒนา เพื่อให้คนไข้ปลอดภัย หายจากโรค และมีความสุข"

โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เกิดจากหลอดเลือดหัวใจอุดตัน ทำให้กล้ามเนื้อหัวใจได้รับเลือดไม่เพียงพอกับความต้องการกล้ามเนื้อหัวใจส่วนที่ขาดเลือด จะตาย ถ้ากล้ามเนื้อตายปริมาณมากคนไข้จะหัวใจวาย และเสียชีวิต เรามักได้ข่าวบ่อยๆ แม้แต่คนที่แข็งแรง นักกีฬาระดับโลกก็ยังหัวใจวายขณะแข่งขัน นักกีฬาบางคนเกิดเหตุในสนามแข่งที่มีทีมปฐมพยาบาลและอุปกรณ์ครบครัน ก็ยังไม่สามารถช่วยชีวิตได้ โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันนั้น ต้องได้รับการวินิจฉัยและให้การรักษาที่ทันท่วงที ทุกนาทีที่ผ่านไปหมายถึงโอกาสรอดของคนไข้ที่ลดลง

คนไข้หลายคนเสียชีวิตระหว่างเดินทางไปโรงพยาบาล คนไข้บางคนแม้มาถึงโรงพยาบาลแล้วก็ยังไม่รอด คนไข้รายหนึ่งได้รับการส่งต่อจากโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งไปโรงพยาบาลศูนย์ โดยมีการติดต่อกันล่วงหน้าระหว่างหมอทั้ง ๒ โรงพยาบาล ทางโรงพยาบาลศูนย์เตรียมทีมหมอ พยาบาล อุปกรณ์และยาไว้พร้อม เมื่อคนไข้มาถึงโรงพยาบาลศูนย์ ขณะที่พยาบาลกำลังจะฉีดยาเข้าเส้น คนไข้หัวใจหยุดเต้น และไม่อาจกู้ชีวิตได้สำเร็จ คนไข้คนนี้มาช้าเกินไป เพราะการเดินทางระหว่าง ๒ โรงพยาบาล ใช้เวลามากกว่า ๑ ชั่วโมง

ชายวัยกลาง คนขับรถมาที่แผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเขาจอดรถหน้าห้องฉุกเฉิน บอกพนักงานเปลว่า "เจ็บหน้าอก ขอพบหมอ" แต่พนักงานเวรเปลบอกเขาว่าเขาจอดรถขวางทาง ให้ขับไปจอดที่ลานจอดรถ เนื่องจากทางเข้าแผนกฉุกเฉินของโรงพยาบาลเป็นเนินสูง และจอดรถได้ทีละไม่เกิน ๒ คัน เมื่อรถมาส่งคนไข้แล้วต้องขับออกไปทันที คนไข้มาคนเดียว เขาจึงยื่นกุญแจให้พนักงานเปลขับรถลงไปจอดให้ แต่พนักงานเปลปฏิเสธเพราะว่าขับรถไม่เป็น คนไข้จึงต้องขับรถไปจอดที่ลานจอดรถด้านล่าง แล้วเดินขึ้นเนินมาใหม่ แล้วเขาก็เกิดอาการหัวใจหยุดเต้นที่หน้าห้องแผนกฉุกเฉินนั่นเอง ทีมหมอและพยาบาลต้องระดมกันมาช่วยกู้ชีวิตฉุกเฉิน ผลสุดท้ายคนไข้รอดชีวิต ท่ามกลางความโกลาหล และขวัญที่กระเจิงของพนักงานเปลคนนั้น เหตุการณ์วันนั้นโรงพยาบาลต้องเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้อง และกำหนดมาตรการการดูแลคนไข้ฉุกเฉิน โดยให้พยาบาลห้องฉุกเฉินไปดูแลคนไข้ภาวะวิกฤติที่รถ สำหรับโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ได้ร่วมกันจัดทำแนวทางปฏิบัติสื่อสารให้เจ้าหน้าที่ทุกระดับทราบสภาพของโรคและการปฏิบัติต่อคนไข้อย่างถูกต้องเหมาะสม ตามภาระหน้าที่ของแต่ละคน

โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน ที่มาด้วยอาการเจ็บหน้าอกจะมีอาการเจ็บแน่นทันที เจ็บคล้ายถูกรัดจนหายใจไม่ออกนานกว่า ๑-๒ นาที คนไข้มักมีประวัติของโรคหัวใจขาดเลือดมาก่อน เช่น เจ็บหน้าอกเวลาเครียด โกรธ ทำงานเหนื่อย หรือออกกำลังกาย อาการจะดีขึ้นด้วยการหยุดพัก บางรายที่ได้รับการรักษาแล้ว เมื่ออมยาขยายหลอดเลือดที่ใต้ลิ้น อาการเจ็บหน้าอกจะทุเลา โรคหัวใจขาดเลือดที่นำไปสู่กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน เป็นสาเหตุการเสียชีวิตที่สำคัญในห้องฉุกเฉิน ซึ่งจำเป็นต้องได้รับยาละลายลิ่มเลือด และ/หรือการสวนหัวใจขยายหลอดเลือดภายในเวลาที่ทันท่วงที ก่อนที่กล้ามเนื้อหัวใจจะตายมากจนหัวใจหยุดเต้น

เป้าหมายการรักษาที่มีประสิทธิภาพนั้น คือ การทำให้เลือดกลับมาไหลผ่านหลอดเลือดที่อุดตันอย่างเร็วที่สุด เพื่อให้กล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือดฟื้นคืนกลับ มาทำงานได้มากที่สุด เพราะฉะนั้นคนไข้ควรได้รับยาละลายลิ่มเลือดหรือได้รับการสวนหัวใจด้วยลูกโป่งขยายหลอดเลือด (บอลลูน) เร็วที่สุด หลายโรงพยาบาลตั้งเกณฑ์มาตรฐานในเรื่องเวลาดังนี้

เมื่อคนไข้มาถึงห้องฉุกเฉิน จนถึงการได้รับยาละลายลิ่มเลือด (Door to Drug time) ต้องน้อยกว่า ๓๐ นาที และหากต้องสวนหัวใจด้วยลูกโป่งขยายหลอดเลือด (Door to Ballon time) ต้องน้อยกว่า ๙๐ นาที สำหรับคนไทย คนไข้หัวใจขาดเลือด เมื่อเกิดอาการเจ็บหน้าอกเฉียบพลัน มักเข้ารับการบำบัดรักษาจากสถานพยาบาลใกล้บ้านก่อน ซึ่งไม่มีแพทย์เฉพาะทางและทีมงาน ทำให้การวินิจฉัยล่าช้า เมื่อเกิดความไม่แน่ใจ ก็อาจส่งต่อคนไข้ไม่ทัน หรือแม้ว่าส่งคนไข้ถึงโรงพยาบาลใหญ่แล้ว กว่าจะตามทีมได้ก็หลายขั้นตอนและต้องใช้เวลา ศูนย์โรคหัวใจโรงเรียนแพทย์แห่งหนึ่งหาทางแก้ปัญหา ดังกล่าวด้วยกระบวนการทางด่วน (Fast track) โดยจัดสร้างเครือข่ายการดูแลคนไข้กล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน สำหรับโรงพยาบาลจังหวัด โรงพยาบาลชุมชนในจังหวัด และจังหวัดใกล้เคียง จัดทีมให้คำปรึกษาผ่านระบบสารสนเทศ มีขั้นตอนการปฏิบัติดังนี้

เมื่อโรงพยาบาลในเครือข่ายพบคนไข้ที่มีอาการน่าสงสัย ให้ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (ECG) แล้วส่งแฟกซ์มาที่ศูนย์โรคหัวใจ ซึ่งมีหมอพร้อมให้คำปรึกษาตลอด ๒๔ ชั่วโมง เมื่อหมอผู้เชี่ยวชาญคิดว่าใช่ ให้ส่งคนไข้มาที่แผนกฉุกเฉิน พร้อมประทับตรา "Fast track" ที่ใบส่งตัวคนไข้ โดยทีมงานของโรงเรียนแพทย์จะเตรียมพร้อมรอรับคนไข้ ผลการดำเนินงานในระยะเริ่มโครงการพบว่า เวลาเฉลี่ยที่ผู้ป่วยมีอาการเจ็บหน้าอกจนมาถึงแผนฉุกเฉิน ๑๙๖.๕ นาที ระยะเวลาตั้งแต่มาถึงแผนกฉุกเฉินจนถึงการเข้าอยู่ในห้องบริบาลคนไข้หนักโรคหัวใจ (CCU) ๑๔ นาที ระยะเวลาที่คนไข้มาถึงแผนกฉุกเฉินจนได้รับยาละลายลิ่มเลือด ๓๒.๕ นาที และถ้าคนไข้ที่ต้องสวนบอลลูน จะสามารถทำได้ในเวลา ๘๒ นาที

ท่ามกลางข้อจำกัดด้านทรัพยากร ท่ามกลางความขาดแคลนบุคลากรและทีมงานของโรงพยาบาลทุกระดับ เครือข่ายสามารถพัฒนางานได้ผลเทียบเท่าประเทศที่มีพัฒนาการทางการแพทย์ระดับก้าวหน้า สามารถช่วยให้คนไข้รอดชีวิตได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากภูมิภาคต่างๆ ได้รับการสนับสนุนการจัดตั้งเครือข่ายในลักษณะนี้ ก็จะเป็นโชคดีของคนไข้โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลันอย่างทั่วถึง

ปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย ได้แก่ บุหรี่ สำหรับคนที่สูบมานานหลายสิบปี และคิดว่ามาเลิกเมื่อแก่จะไม่มีประโยชน์ เป็นความเข้าใจผิด เพราะมีหลักฐานยืนยันว่า ถ้างดบุหรี่ได้ ๒ ปี อัตราเสี่ยงต่อการเกิดอาการจะลดลงเหลือพอๆ กับคนที่ไม่เคยสูบบุหรี่มาก่อน สำหรับคนที่เป็นเบาหวาน ความดันเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง ควรดูแลรักษาตนเองให้ดี เพื่อควบคุมโรคเหล่านี้ เพราะเป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญเช่นกัน ณ วันนี้โรงพยาบาลต่างๆ ได้พัฒนาการดูแลรักษาคนไข้โรคหัวใจขาดเลือด โรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน หลายแห่งจัดระบบ "ทางด่วน" โดยมุ่งเป้าหมายเพื่อความปลอดภัยและอยู่รอดอย่างมีคุณภาพชีวิตของคนไข้ แม้จะยังไม่สามารถให้บริการได้ครบถ้วนกระบวนการตามเป้าหมายและหลายแห่งยังพบจุดอ่อนในระบบ

แต่ก็เป็น "ทางด่วนชีวิต" ที่เต็มไปด้วยความหวัง และอาจเป็น "ทางด่วนชีวิต" สำหรับชีวิตเราเอง

ข้อมูลสื่อ

328-015
นิตยสารหมอชาวบ้าน 328
สิงหาคม 2549
นพ.สุรชัย ปัญญาพฤทธิ์พงศ์