หลักการกิน ๕ ประการ
ถ้าเปรียบโลกเป็นบ้านหลังหนึ่ง ประเทศไทยคงเปรียบได้กับห้องครัว เพราะเป็นแหล่งผลิตอาหารของโลก (ทำนองครัวไทย สู่ครัวโลก) ไม่น่าเชื่อว่าประเทศไทยซึ่งเป็นประเทศเล็กๆ จะสามารถส่งออกอาหารได้เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เพราะพื้นที่เกือบทั้งประเทศเหมาะสมกับการเกษตร แต่น่าเสียดายที่อาหารถูกจำกัดด้วยเวลา เก็บไว้นานไม่ได้ คุณภาพของสินค้าไม่สูงคล้ายสินค้าอุตสาหกรรม ทำให้ครั้งนี้ต้องการจะนำเสนอเรื่องกิน
กินอย่างไรเป็นประโยชน์ต่อสุภาพ
๑. เวลาที่กิน
กินอาหารเช้ามากๆ แป้งน้อยๆ และเลี่ยงการกินมื้อดึก พอหลับขนของเราจะยาวเร็วที่สุดในช่วง ๘-๑๐ โมงเช้า เพราะเป็นช่วงที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนออกมาสูงสุด ไม่ควรดื่มกาแฟ ๑ แก้วแล้วก็ไปทำงาน พอทำงานไปถึงประมาณ ๑๑ โมงเช้า ก็จะหิวมากแล้วเริ่มหงุดหงิด แต่ถ้าใครกินข้าวเช้าให้อิ่มจะรู้สึกได้เลยว่า เที่ยงแล้วยังทำงานต่อไปได้โดยไม่หงุดหงิด ใครที่ไม่เคยกินข้าวเช้าทดลองดูสักครั้ง แล้วจะ...
กินอาหารเช้ามากๆ อาหารกลางวันพอประมาณ เย็นๆ เบาๆ และเร็วๆ เช่น กินอาหารเย็น ๖ โมง ไม่ใช่ ๓ ทุ่ม แต่ใครไม่กินอาหารเช้า อาหารกลางวันพอประมาณ อาหารเย็นเต็มที่ ต่อด้วยมื้อดึก รับรองได้ว่าเตรียมพบปัญหาโรคอ้วน ไขมันในเลือดสูง ความดันเลือดสูง โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดในสมองตีบหรือแตก
๒. ชนิดของอาหารที่กิน
กินอาหารที่เป็นธรรมชาติที่สุด คนไทยในอดีตไม่มีอาหารทอด มีแต่ต้ม นึ่ง ย่าง หุง หลังจากวัฒนธรรมจีนเข้ามาก็เริ่มมีอาหารทอดมากขึ้น วัฒนธรรมตะวันตกเข้ามาก็เริ่มมีอบ และมีกรรมวิธีปรุงอาหารมากมาย อาหารที่ผ่านกระบวนการต่างๆ จะเหลือแค่คาร์โบไฮเดรต เกลือหรือน้ำตาล แต่อาหารธรรมชาติจะมีทั้งโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน เกลือแร่ และวิตามิน ถ้าจะกินขอให้เลือกกินอาหารธรรมชาติดีกว่าแน่นอน
๓. ปริมาณการกิน
ผมมีคนไข้อ้วนมากรายหนึ่งมาขอยาลดความอ้วน เนื่องจากดื่มน้ำอัดลมวันละ ๗-๘ ขวด ยาที่ผมให้คนไข้รายนี้ คือ หยุดกินน้ำอัดลมภายใน ๑ เดือน ผลคือน้ำหนักลดลงไป ๑๐ กิโลกรัม โดยไม่ต้องใช้ยาจะเห็นได้ว่าน้ำอัดลม ๒ ขวด มีพลังงานขนาดทำให้เราอยู่ได้ ๑ วัน เมื่อกินอาหารอื่นๆ เข้าไปจะกลายเป็นไขมันพอกพูนตัวเราให้อ้วนกลม หลายคนถามว่า การกินอาหารให้พอดีทำอย่างไร ผมแนะนำว่า กินช้าๆ เคี้ยวให้ละเอียด กินไม่มากก็สามารถอิ่มได้ ลดอาหารหวาน โดยเฉพาะเครื่องดื่มหวานๆ ยิ่งชาเขียว ชาดำเย็น โอเลี้ยง กาแฟ นมเย็น และน้ำอัดลม ตัวการทำให้อ้วน
๔. หลักการกิน
เลือกกินอาหารให้เป็นยา มิใช่เลือกกินยาให้เป็นอาหาร บางคนหลังกินข้าวอาจจะมียา ๑ กำมือใส่เข้าปาก ที่จริงความรู้ทางแพทย์แผนไทยเราดีอยู่แล้ว
- ใบขี้เหล็ก ทำให้หลับสบาย แต่บางคนกลับเอาใบขี้เหล็กมาบดใส่แคปซูล ปรากฏว่า เป็นพิษ
- มะเขือพวง ช่วยลดไขมัน บางคนกลับเขี่ยออก
- แกงส้มดอกแค แก้ไข้หัวลม หน้าหนาวลมมักจะเป็นไข้ เมื่อยเนื้อเมื่อยตัว เพราะอากาศเปลี่ยน จึงต้องกินแกงส้มดอกแค ซึ่งเกสรของดอกแคจะเป็น ยาแก้ไข้ ไม่ต้องพึ่งพาราเซตามอล ท้องอืด ท้องเฟ้อ
- ใบโหระพา ใบกะเพรา ช่วยให้สบายท้อง ไม่ต้องกินยาลดลม
๕. การเลือกกินอาหารเสริม ก่อนเลือกกินอาหารเสริมจะต้องตอบคำถามทั้ง ๓ ข้อนี้ ให้ได้เสียก่อน
- สะอาดหรือไม่ ถ้าไม่สะอาดอย่าเลือก
- ปลอดภัยหรือไม่ อาหารเสริมบางอย่างมีส่วนประกอบของสารอันตราย มีปรอท มีตะกั่ว กินเข้าไปอาจจะได้ไปเกิดใหม่ก่อนกำหนด
- คุ้มค่าหรือไม่ ลองเทียบกับราคาแล้วเปรียบเทียบกับเศรษฐฐานะของแต่ละคน ถ้าคุ้มค่าก็กินไปเถอะ แต่ถ้าไม่คุ้มค่า ก็ไม่ต้องลอง ซุปไก่เทียบเท่ากับไข่ไก่ รังนกเทียบเท่ากับเต้าส่วน และรังผึ้งเทียบเท่ากับวิตามินรวม
การกินเป็นเรื่องใหญ่ ใส่ใจให้ดีชีวิตจะเป็นสุข ไม่เป็นไปตามกระแส ความอยาก และโฆษณา เลือกกินแบบฉลาด จึงจะเป็นผู้ที่ทำทุกอย่างด้วยปัญญา วันนี้ท่านออกกำลังกายหรือยัง ปีนี้ท่านตรวจเช็กสุขภาพหรือยัง
- อ่าน 5,861 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้