เช้า คุยกับเพื่อนๆ ที่ชมรมออกกำลังกาย
สาย เขียนบันทึกประจำวัน
กลางวัน ดูโทรทัศน์
บ่าย เล่นซออู้
กลางคืน เล่นกับหลาน
วันหนึ่งไปเติมน้ำมัน ระหว่างที่รอก็มองกระจกสำรวจดูหน้าตาตัวเอง เริ่มเห็นว่าเข้าสู่วัยสูงอายุแล้ว ทำให้คิดว่าในอนาคตผมจะเป็นผู้สูงอายุแบบใด ลองมาดูกัน และผมจะบอกว่าทำอย่างไรถึงจะเป็นในสิ่งที่ต้องการ โดยจะอธิบายแบ่งเป็นกลุ่มๆ เพื่อไม่ให้สับสน ดังนี้
๑. ด้านร่างกาย
ผมต้องการเป็นผู้สูงอายุที่มีโรคน้อยที่สุด ไม่เป็นภาระให้ลูกหลาน และหมดอายุขัยด้วยความสงบ แล้วทำอย่างไรผมจะเป็นอย่างนั้น
กินอาหารที่ปลอดภัย
๑. กินอาหารมื้อเช้ามากๆ มื้อเย็นน้อยๆ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นการดูดซึมอาหารทำได้น้อยลง กินอาหารเสริมหรือวิตามินบ้างเป็นครั้งคราว โดยสามารถหาอาหารเสริมได้ง่ายๆ จากอาหารตามธรรมชาติของคนไทย เช่น สมุนไพรต่างๆ เป็นต้น
ทั้งนี้โรคภัยไข้เจ็บในผู้สูงอายุ มักเกิดจากการกินเกินขนาดมากกว่าขาดอาหาร
๒. กินอาหารที่เป็นธรรมชาติ ดีกว่าอาหารดัดแปลง และควรอาหารหวานน้อยลง เพราะน้ำตาลทำให้ภูมิต้านทานลดต่ำลง ๒ ชั่วโมง ดังนั้น จึงเป็นการเปิดโอกาสให้เชื้อโรคเข้ามาทำร้ายร่างกายได้
๓. กินพออิ่ม เพื่อไม่ให้อ้วน เพราะโรคภัยไข้เจ็บจะถามหา วิธีการคือ เคี้ยวช้าๆ และนานๆ จะช่วยให้อิ่มเร็ว
๔. เลือกกินอาหารแทนยา มิใช่เลือกกินยาแทนอาหาร เช่น เป็นไข้หัวลม ให้กินแกงส้มดอกแค ท้องอืดกินขมิ้นขาวหรือโหระพา ความดันสูง กินน้ำขึ้นฉ่าย เป็นต้น
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
ผู้สูงอายุอย่าพยามเล่นกีฬาที่เป็นการแข่งขันกัน เพราะอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้ง่าย จะทำอะไรก็ได้ แต่ต้องเหนื่อยสม่ำเสมอ เช่น เดิน ขี่จักรยาน รำกระบอง รำมวยจีน ถางหญ้า ปลูกต้นไม้ กวาดลานบ้าน เลี้ยงสัตว์ และทำอาหาร เป็นต้น
ควรออกกำลังกายวันเว้นวันดีกว่าออกทุกวัน เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนและเพื่อซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ
สภาพแวดล้อม
สุขภาพเกี่ยวข้องกับทุกสิ่งทุกอย่าง พยายามจัดการทุกอย่างเท่าที่จะทำได้ ให้สอดคล้องกับสภาพแวดล้อม เช่น ทางเดินเข้าบ้านไม่ควรขรุขระ เพราะจะทำให้หกล้มได้ง่าย ประตูบ้านควรเป็นแบบเปิดออก ดีกว่าแบบเปิดเข้า เพราะถ้าหากเป็นลมอยู่หน้าประตู จะทำให้เปิดเข้าไปลำบาก ประตูควรกว้างพอที่จะเข็นเตียงเข้าไปได้ และห้องน้ำควรมีที่จับ เป็นต้น
ตรวจสุขภาพ
การตรวจสุขภาพเป็นสิ่งจำเป็น ควรตรวจเช็กก่อนเกิดปัญหา
๒. ด้านจิตใจ
ผมต้องการเป็นผู้สูงอายุใจดี รักลูก ห่วงลูก ไม่มีภาระงานที่เครียค เป็นที่ปรึกษาให้เด็กๆ ลูกๆ หลานๆ ทำในสิ่งที่อยากทำ ท่องเที่ยวไปในที่ต่างๆ และเขียนหนังสือเล่าประสบการณ์ของตัวเอง
จิตใจที่ดีจะต้องเข้าใจธรรมชาติ
จิตใจจะเป็นปกติ สมองต้องดี ผมจะยกตัวอย่าง การออกกำลังสมองของเตี่ยผม ซึ่งเป็นวิธีง่ายๆ ดังนี้
เช้า คุยกับเพื่อนๆ ที่ชมรมออกกำลังกาย สาย เขียนบันทึกประจำวัน กลางวัน ดูโทรทัศน์ บ่าย เล่นซออู้ กลางคืน เล่นกับหลาน
การเล่นเป็นการออกกำลังสมองที่ดีมาก เพราะนอกจากได้ใช้สมองแล้ว ยังสนุกและมีความสุขด้วย แต่การทำงานพร้อมกับความเครียคนั้นเป็นการทำลายเนื้อสมอง
๓. สังคม
ผมต้องเป็นผู้สูงอายุที่มีสังคม มีเพื่อน มีประโยชน์ต่อสังคม และเป็นที่นับถือของคนอื่นๆ โดยเริ่มจากการให้ เช่น ให้ของ ให้ความเอื้ออาทร ให้คำแนะนำ และให้อภัย เป็นต้น ซึ่งขณะนี้ผมได้ทำแล้วโดยการเป็นที่ปรึกษาโครงการหนึ่งอยู่
๔. ปัญญาวิญญาณ
ยิ่งผมสูงอายุมากขึ้น ผมยิ่งต้องมีปัญญามากขึ้น ปัญญาที่ว่าคือการเข้าใจกฎของธรรมชาติ เกิด แก่ เจ็บ ตาย อย่างถ่องแท้ เพื่อยอมรับกฎนั้นอย่างมีความสุข
ผมขอสรุปว่าผมต้องการเป็นผู้สูงอายุที่มีร่างกายแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บรบกวนน้อยที่สุด มีจิตใจอิสระและแจ่มใส ลูกหลานรัก มีเพื่อน มีปัญญาในการเข้าใจกฎของธรรมชาติ และเตรียมรับทุกสถานการณ์อย่างนิ่งสงบ
โดยการอาศัยหลักการกินอาหารที่ปลอดภัย ออกกำลังกาย กำลังสมอง คิดอย่างเหมาะสม ปฏิบัติตามหลักวิชาในการส่งเสริมปัญญา หลักการกระทำที่อาศัยคุณธรรม จริยธรรม สะสมทรัพย์สมบัติทางธรรมชาติมากกว่า สะสมทรัพย์สินเงินทองที่เอาไว้ให้ลูกหลานฆ่ากันตาย เพื่อแย่งสมบัติ และทำตัวเองให้เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น “ตายไปก็มีความสุข”
- อ่าน 4,963 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้