• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

อย่าปล่อยให้ผิวหน้าสวยเป็นสนามทดลอง

อย่าปล่อยให้ผิวหน้าสวยเป็นสนามทดลอง


ผิวหน้าต้องการความชุ่มชื่น ล้างหน้าด้วย...ล้างหน้าด้วย...ช่วยถนอมผิวของคุณให้ชุ่มชื่น...เพื่อความสะอาดของใบหน้า ที่อ่อนนุ่ม

ข้อความข้างต้นคงผ่านหูผ่านตา คุณผู้หญิงหรือคุณผู้ชายทั้งหลายกันมาบ้าง บางคนอาจตั้งคำถามว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าต่างๆจำเป็นไหม บางคนอาจซื้อเรื่อยเปื่อยโดยไม่สนใจอะไรมากมาย บางคนเป็นประเภทชอบทดลอง เห็นสินค้าใหม่ๆออกมาเป็นต้องลองซื้อมาใช้ โดยลืมนึกไปว่าผิวหนังบริเวณใบหน้าเป็นส่วนที่บอบบาง ไม่ใช่สนามทดลองสินค้าต่างๆ ก่อนอื่นเราควรรู้สักนิดว่าผิวหนัง จะแบ่งออกเป็น ๒ ชั้น  ชั้นแรกหรือชั้นบนที่เป็นผิวบางๆ เรียกว่า หนังกำพร้า ส่วนชั้นล่างจะเป็นหนังแท้ ซึ่งมีลักษณะหนากว่า ในชั้นนี้จะมีเส้นใยคอลลาเจน และเส้นใยอีลาสตินเต็มไปหมด แต่ส่วนที่เราเห็นๆและจับต้องกันอยู่ทุกวัน คือ ผิวหนังกำพร้าชั้นนอกสุดของหนังกำพร้าเป็นชั้นเซลล์ที่ตายแล้ว ซึ่งเซลล์ที่ตายแล้วนี้ก็จะหลุดลอกเป็นขี้ไคลออกมา ขณะเดียวกันชั้นล่างสุดของชั้นหนังกำพร้าที่อยู่ข้างล่างก็มีการสร้างเซลล์ใหม่ๆ ขึ้นมาแทนที่อยู่ตลอดเวลา หลอดเลือดที่เราเห็นก็จะอยู่บริเวณชั้นหนังแท้นี่แหละ

แต่การที่ใครคนใดจะมีผิวพรรณ เปล่งปลั่ง สดสวย มีน้ำมีนวลหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่เรื่องของกรรมพันธุ์ เรื่องของอายุ การกินอาหารที่ถูกหลักโภชนาการ การออกกำลังกาย จิตใจที่สดชื่น มองโลกในแง่ดี และที่สำคัญไม่น้อยไปกว่าเรื่องอื่นๆ คือ การดูแลผิวพรรณไม่ให้ถูกทำลายไปก่อนวัยอันควรด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ในเรื่องของการใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับผิวหนัง เนื่องจากผิวหนังของเรามีหลายประเภท เช่น ผิวแห้ง ผิวมัน ผิวธรรมดา ผิวแพ้ง่าย เป็นต้น โดยธรรมชาติแล้ว น้ำสะอาดเป็นสิ่งที่ดีที่สุด และปลอดภัยที่สุดในการทำความสะอาดผิว ถ้าหากความสกปรกต่างๆเป็นเพียงฝุ่นละอองธรรมดาๆ น้ำเปล่าก็เพียงพอต่อการชำระล้างความสกปรกออกไปได้ส่วนหนึ่ง แต่ปัจจุบันนี้ที่เราจำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด ก็เพราะสิ่งแวดล้อมรอบตัวที่เปลี่ยนไป ทำให้ผิวถูกรบกวนจากสิ่งสกปรกอื่นเพิ่มมากขึ้น อาทิ เช่น ไขมันจากการปรุงอาหาร ควันพิษจากรถยนต์ และเครื่องสำอาง ซึ่งน้ำไม่สามารถชำระล้างออกได้หมด เพราะน้ำกับไขมันเข้ากันไม่ได้ จึงต้องอาศัยสารต่างๆมาเป็นตัวช่วยในการชำระล้างสิ่งปนเปื้อนออกไปจากผิว

ในอดีตมนุษย์เรารู้จักสบู่กันมาหลายพันปีแล้ว และก็ใช้กันเอนกประสงค์ ตั้งแต่ซักผ้า ล้างจาน  สระผม อาบน้ำ ล้างหน้า และทำความสะอาดอื่นๆ จนกระทั่งมาถึงยุคที่เราเจริญก้าวหน้าในเรื่องของเทคโนโลยี และโดยเฉพาะในทางการแพทย์ที่ทำให้มีความเข้าใจในเรื่องของสรีรร่างกายมากขึ้น การพยายามคิดค้นผลิตภัณฑ์ที่จะใช้กับสุขภาพ จึงเกิดขึ้นตามมามากมาย แม้แต่เรื่องของสบู่เองก็ตาม ปกติแล้วผิวหนังของคนเราจะมีน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวโดยธรรมชาติอยู่ มีค่าความเป็นกรดด่างหรือที่เรียกย่อๆ ว่า พีเอช (pH) ประมาณ ๔.๕-๖.๕ ซึ่งความเป็นกรดนี้จะทำหน้าที่เสมือนเกราะกำบัง และช่วยป้องกันการติดเชื้อของผิวหนังไม่ให้เป็นอันตราย ดังนั้นผลิตภัณฑ์ ที่จะนำมาใช้ทำความสะอาดผิวหน้า จึงควรมีค่าความเป็นกรด-ด่างที่ใกล้เคียงกับผิวตามธรรมชาติ เพื่อป้องกันไม่ให้สูญเสียไขมันตามธรรมชาติที่เป็นตัวทำให้ใบหน้าชุ่มชื่นออกไป ผิวจะได้ดูดีได้นานตราบเท่าที่เราดูแลมันอย่างถูกต้องเหมาะสม
 
สบู่
สบู่เป็นผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดร่างกายที่ใช้กันมานาน มี รูปลักษณ์เป็นก้อน และสบู่ก้อนเดียวกันนี้ก็ใช้ทำความสะอาดใบหน้าด้วยว่ากันว่าที่คนส่วนใหญ่ชอบใช้สบู่ล้างหน้า เป็นเพราะสบู่สามารถทำความสะอาดได้ดี มีกลิ่นหอม มีฟองมาก หาซื้อง่าย ราคาถูก ใช้สะดวก และใช้ได้นาน โดยทั่วไปสบู่ที่เราใช้กันอยู่ จะทำมาจากไขมันพืชและสัตว์ แล้วนำมาทำปฏิกิริยากับด่าง (โซเดียม, โพแทสเซียม) ทำให้ได้เป็นสบู่ออกมา มีสภาพเป็นด่าง มีค่าพีเอช (pH) ระหว่าง ๙.๕-๑๐.๘ ซึ่งนอกจากส่วนประกอบหลักสองอย่างนี้แล้ว ก็ยังมีการเติมส่วนผสมอื่นๆลงไปด้วย เช่น สี น้ำหอมกลิ่นต่างๆ ยาฆ่าเชื้อ สารกำจัดความกระด้างของน้ำ ฯลฯ เพื่อให้สบู่มีประโยชน์การใช้หลากหลายขึ้น และน่าใช้

จากการที่สบู่มีสภาพเป็นด่าง ดังนั้นเมื่อใช้สบู่ชำระล้างร่างกายและหน้า จะทำให้ผิวเกิดสภาพเป็นด่างขึ้นมาชั่วคราว แล้วจะกลับสู่สภาพความเป็นกรดตามปกติภายใน ๓๐ นาที สำหรับคนผิวธรรมดาทั่วไป ที่จะทนความเป็นด่างของสบู่ได้ แต่ถ้าเป็นผิวประเภทบอบบาง แพ้ง่าย หรือผิวเป็นโรคผิวหนัง หรือคนที่ทำศัลยกรรมที่ทำให้สภาพผิวหนังเปลี่ยนไป ผิวของคนเหล่านี้จะไม่สามารถกลับสู่สภาพเดิมได้ง่าย ดังนั้นถ้าใช้สบู่ชนิดที่มีความเป็นด่างสูงบ่อยๆ จะทำให้ผิวหนังแห้ง หยาบ ระคายเคือง และอักเสบได้ง่าย

ดังกล่าวมาแล้วว่าผิวหนังของเรามีหลายประเภท ดังนั้นบริษัทผู้ผลิตสินค้าจึงได้สนองตอบถึงปัญหานี้ โดยผลิตสินค้าแยกประเภทของผิวออกมา เช่น สำหรับคนผิวมัน, ผิวแห้ง, ผิวธรรมดา ปัจจุบันผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดหลายยี่ห้อได้มีการผสมมอสซ์เจอร์ไรเซอร์ (Moisturizer) คือ สารที่ให้ความชุ่มชื้นลงไปด้วย เพื่อสนองตอบสำหรับผู้ที่มีผิวหนังมีปัญหาแห้ง ผิวหนังอักเสบ หรือ ผิวหนังแพ้ง่าย นอกจากนี้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าหลายๆยี่ห้อก็มีการพัฒนาไปถึงลักษณะที่เรียกว่า Soap Free       คือ ปราศจากสารจำพวก Soap ที่มีความเป็นด่าง หรือมีค่าความเป็นกรด-ด่างใกล้เคียงสภาพผิวตามธรรมชาติ (pH Balance) เพราะฉะนั้นคนที่มีปัญหาในเรื่องของผิวก็ควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ประเภทนี้

สบู่ก้อน, สบู่เหลว, โฟม, เจล ต่างกันหรือไม่
สบู่ก้อน, สบู่เหลว, โฟม, เจล ไม่มีความแตกต่างกันในส่วนผสมหลักๆ เพียงแต่ผลิตออกมาให้มีลักษณะรูปแบบ และการใช้ที่สะดวกขึ้น ซึ่งก็เป็นเทคนิคการตลาดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้สินค้ามีความหลากหลายมากขึ้น แต่อาจจะไม่เหมือนกันในส่วนผสมอื่นๆ เช่น มีการเติมสารชำระล้าง หรือเติม Milk (ครีมน้ำนม) ข้อเสียเปรียบของสบู่เหลวคือสามารถบีบออกมาได้ทีละเยอะๆ อาจจะทำให้มีการใช้ในปริมาณที่มากเกินความจำเป็น ซึ่งก็จะเกิดปัญหากับผิวเช่นเดียวกับการใช้สบู่ก้อนสำหรับคนผิวแพ้ง่าย

ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตร non-ionic คืออะไร
โดยปกติแล้วผิวหนังของคนเรามีคุณสมบัติทางประจุไฟฟ้าเป็นขั้วลบ ถ้าใช้สารชำระล้างที่มีประจุไฟฟ้า สารดังกล่าวจะตกค้างอยู่บนผิว เนื่องจากมีการเกาะติดกับประจุไฟฟ้าตามธรรมชาติของผิวหน้า และสารที่ช่วยทำความสะอาดผิวหนังก็มีทั้งชนิดที่มีขั้ว (ionic) และไม่มีขั้ว (non-ionic) non-ionic เป็นสารที่ไม่มีประจุไฟฟ้าเลย จึงถือเป็นสารทำความสะอาดใบหน้าที่ค่อนข้างจะอ่อน มีคุณสมบัติช่วยลดความตึงผิวระหว่างน้ำ สิ่งสกปรก และผิวหน้า เมื่อลดความตึงผิวลง สิ่งสกปรกก็จะถูกล้างออกไปได้ จึงเป็นที่ยอมรับกันว่าผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสูตร non-ionic ใช้ได้กับทุกสภาพผิว และปราศจากสารตกค้างบนผิวหน้า

ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าสำหรับผู้หญิงและผู้ชายต่างกันหรือไม่
แท้จริงแล้วผิวของผู้หญิงหรือผู้ชายไม่ได้มีความแตกต่างกันเลย ผู้ชายก็จะมีผิวประเภทต่างๆ เหมือนผู้หญิง ทั้งผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวธรรมดา และผิวแพ้ง่าย การแบ่งแยกสินค้าระหว่างเพศ อาจจะเป็นความรู้สึกหรือเป็นค่านิยมที่ผู้ชายสมัยก่อนๆ จะไม่ค่อยใช้พวกเครื่องประทินผิวต่างๆกันเท่าไหร่ แล้วหากจะไปซื้อผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีหญิงสาวเป็นนางแบบโฆษณา หรือหีบห่อสวยงาม หรือมีกลิ่นหอมละมุนละไมมาใช้ ก็ดูจะขัดกับเอกลักษณ์ของชายชาตรีไปสักหน่อย จึงมีการผลิตสินค้าให้เหมาะสมกับบุคลิกของแต่ละเพศ เช่น ผลิตภัณฑ์ของผู้ชาย จะมีกลิ่นหรือสีของหีบห่อ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะที่บอกความเป็นผู้ชายแท้ๆ จึงอาจกล่าวได้ว่า การแยกประเภทของสินค้าระหว่างชาย-หญิง เป็นเรื่องของจิตวิทยา เป็นเรื่องของความรู้สึก แต่ส่วนประกอบหลักๆของสินค้าแล้วไม่ต่างกันเลย สิ่งสำคัญ คือ ต้องสังเกตตัวเองว่าเป็นคนมีผิวประเภทใด แล้วเลือกให้เหมาะกับผิวเท่านั้นเอง

เพราะฉะนั้นถ้าจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้า ก็ต้องเลือกยี่ห้อ ที่บอกค่าความเป็นกรด-ด่างไว้ที่ข้างกล่อง โดยเลือกผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่มีความเป็นด่างน้อยๆ มีความเป็นกรด-ด่างใกล้เคียงกับผิวของเรา คือ มีความเป็นกรดอ่อนๆ (ประมาณ ๔.๕-๕.๕) และหากเป็นผิวบอบบาง แพ้ง่าย ก็คงต้องเลือกสบู่ที่ปราศจากสี กลิ่น และสารระคายเคืองต่างๆ (ไม่มียาฆ่าเชื้อผสมอยู่) ถึงแม้ว่าปัจจุบันจะมีผลิตภัณฑ์ ล้างหน้าออกมาจำหน่ายในรูปแบบต่างๆ มากมาย และหลายๆยี่ห้อ ดูแล้วน่าซื้อมาใช้เหลือเกิน และหลายๆ ครั้งที่เกิดความรู้สึกอยากทดลองสินค้าใหม่ๆ ทำให้บางคนต้องเสียเงินเพิ่มขึ้น เพื่อรักษาใบหน้าที่เกิดปัญหา หรือเกิดอาการแพ้ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากให้ใบหน้าดีๆ ของเราต้องกลายเป็นห้องทดลองเคลื่อนที่ ก็ต้องเลือกใช้สิ่งต่างๆอย่างมีความรู้ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าที่ต้องรู้ก่อน ว่าเรามีผิวแบบไหน แล้วจึงเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสภาพผิวตามธรรมชาติของเราด้วย ก็จะปลอดภัยในการใช้มากที่สุด

คุ ณ มี ผิ ว แ บ บ ไ ห น
บางคนไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นคนมีผิวแบบไหน เพราะฉะนั้นเวลาซื้อสินค้า หรือผลิตภัณฑ์ต่างๆมาใช้ก็จะเป็นลักษณะลองผิดลองถูกอยู่เรื่อย ถ้าโชคดีใช้แล้วไม่แพ้ก็ดีไป

ผิวแห้ง : คนผิวแห้งจะไม่ค่อย มีเหงื่อ ผิวจะค่อนข้างแห้งแตกเป็นขุย แม้อยู่ในสภาพที่ปกติ เมื่อสัมผัสดูจะรู้ถึงความหยาบกร้าน และจะรู้สึกตึงๆ หลังจากล้างหน้าด้วยสบู่ ควรใช้สบู่ Soup free ที่ pH ใกล้เคียงผิวหน้าที่มีสารชำระล้างอ่อนๆ (non-ionic)

ผิวมัน : คนที่มีผิวมันเป็นเพราะมีน้ำมัน ตามธรรมชาติมากเกินไป เพราะฉะนั้นแม้จะอยู่ในสภาพที่อากาศเย็น หรือหลังการอาบน้ำอุ่น ผิวก็ไม่แห้งตึง คนผิวมัน ผิวหน้าจะแลดูหยาบ รูขุมขนห่าง และมักจะเกิดสิวหรือจุดด่างดำบนใบหน้าได้ง่าย ผิวจะดูมันเยิ้มตลอดเวลา หรือหลังจากการอาบน้ำอุ่น ผิวก็ไม่แห้งตึง ส่วนใหญ่จะเป็นผิวของวัยรุ่นที่มีการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน มักจะสามารถใช้สารชำระล้างได้ตามปกติ เพราะหน้ามีความมันมากอยู่แล้ว อาจเป็นในรูปของสบู่ก้อน, สบู่เหลว, โฟม หรือเจลที่มีฟองก็ได้

ผิวธรรมดา : คือ  ผิวที่มีความสมดุลในการทำงานของผิว เพราะฉะนั้นคนที่มีผิวธรรมดานับว่าโชคดี เพราะผิวจะไม่แห้งเกินไป และไม่มันเกินไป ผิวมีความชุ่มชื่นในระดับที่เหมาะสม มีความยืดหยุ่นดี ผิวดูเรียบเนียน บางคนก็อาจจะถือว่าเป็นพวกผิวผสม เพราะจะมีบางส่วนของใบหน้าจะมีความมันมากกว่าบริเวณอื่นๆเล็กน้อย เช่น หน้าผาก จมูก และว่ากันว่าสาวไทยส่วนใหญ่จะเป็นประเภทผิวผสม ซึ่งสามารถจะเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าได้ทุกชนิด

ผิวบอบบาง แพ้ง่าย : คือ มีลักษณะผิวแห้ง ละเอียดอ่อน เปราะบาง ผิวประเภทนี้จะง่ายต่อการตกกระ เป็นตุ่มแดงคัน หลอดเลือดฝอยเล็กๆขยายตัว ผิวหนังอักเสบ และแพ้เครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของสารเคมีต่างๆได้ง่าย ดังนั้นจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ล้างหน้าที่ให้มีความเป็นกรด-ด่างใกล้เคียง pH ปกติของผิวหน้า

วิธีล้างหน้าที่ทำอันตรายผิวน้อยที่สุด
โดยความเป็นจริงแล้ว การทำความสะอาดผิวหน้าที่ปลอดภัยที่สุด และทำอันตรายต่อผิวน้อยที่สุด คือ การล้างหน้าด้วยน้ำเปล่า แต่เนื่องด้วยการดำเนินชีวิตของคนส่วนใหญ่ต้องสัมผัสกับควันรถ ไอ-น้ำมัน ฝุ่นละออง หรือแม้กระทั่งไขมันจากการปรุงอาหารหรือ จากร้านอาหาร การใช้น้ำเปล่าอย่างเดียวไม่เพียงพอเสียแล้ว จำเป็นต้องมีผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้ามาใช้ชำระล้างออกไป ส่วนผู้ที่ใช้เครื่องสำอางหรือครีมบำรุงผิวต่างๆ การล้างหน้าด้วยสบู่ โฟม หรือเจล ก็ไม่ควรเกินวันละ ๒ ครั้ง และเวลาล้างก็ใช้น้ำลูบออกเบาๆ เสร็จแล้วซับด้วยผ้านุ่มอย่างเบามือ ไม่ควรขยี้หรือเช็ดหน้าอย่างรุนแรง เพราะจะทำให้ผิวหน้าเกิด การระคายเคืองและเป็นสิวได้(สำหรับบางคน)

อย่าลืมว่า โดยธรรมชาติ ผิวหนังของเราจะผลิตน้ำมันหล่อเลี้ยงผิวหนังอยู่ตลอดเวลา ดังสังเกตได้จากเวลาที่เราตื่นนอนขึ้นมาตอนเช้า ผิวหนังของเราจะเหมือนมีน้ำมันเคลือบอยู่ที่ผิวบางๆ ฉะนั้นตอนอาบน้ำตอนเช้าก็ไม่ควรที่จะใช้ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดฟอกผิวและล้างหน้ามากเกินไป เพราะอาจทำให้ไขมันตามธรรมชาติหลุดลอกออกไปได้

สิ น ค้ า แ พ ง ดี จ ริ ง ห รื อ
การที่สินค้าแต่ละอย่างจะมีราคาถูกหรือแพงนั้น ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆที่เกี่ยวข้องมากมาย เช่น ต้นทุนในการผลิต การโฆษณาประชาสัมพันธ์ หีบห่อ  แม้แต่ค่าภาษีน้ำเข้า ฯลฯ ที่ทำให้สินค้ามีราคาสูง สำหรับสินค้านำเข้าจากต่างประเทศจะมีราคาแพงกว่ายี่ห้อที่ผลิตในประเทศ นอกจากนี้ต้องคำนึงว่าส่วนใหญ่จะเป็นสินค้าที่เหมาะกับบุคคลหรือสภาพอากาศของต่างประเทศด้วย ข้อสำคัญที่ต้องพิจารณามากกว่า คือ ผลิตภัณฑ์ที่จะซื้อมาใช้ ประกอบด้วยส่วนผสมที่อาจจะเป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวหรือไม่ ใช้แล้วแพ้ (ผิวแห้ง แตก ตึง ลอก ระคาย) หรือไม่ ถ้าหากใช้ผลิตภัณฑ์ยี่ห้อใดแล้วไม่มีอาการแพ้ ก็สามารถจะใช้ต่อไปได้โดยไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนไปทดลองใช้ยี่ห้ออื่นๆอยู่เรื่อยๆให้เปลืองสตางค์ เพราะส่วนผสมหลักๆในแต่ละยี่ห้อจะใกล้เคียงกัน แม้จะมีส่วนผสมอื่นๆที่เป็นจุดขายเพิ่มขึ้นมาก็ตาม และอย่าลืมใช้น้อยที่สุดเท่าที่จำเป็น

ข้อมูลสื่อ

242-003
นิตยสารหมอชาวบ้าน 242
มิถุนายน 2542
พญ.เพ็ญพรรณ วัฒนไกร