• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

ถ้าอยากมีลูกหัวดี

ถ้าอยากมีลูกหัวดี

จากหนังสือ KODOMO NO ATAMA O YOKUSURU SEIKATSU SHUKAN
เขียนโดย DR. YOSHIRO NAKAMATSU
แปล/เรียบเรียง โดย พรอนงค์ นิยมค้า

บทที่ 3
ชีวิตความเป็นอยู่ (สภาพแวดล้อม) ที่กระตุ้นพัฒนาการทางสมอง

25. ตั้งโต๊ะเรียนไว้ตรงหน้าต่างจะทำให้เด็กหัวไม่ดี

ที่ตั้งของโต๊ะเรียนในห้องเด็กก็มีความสำคัญมาก หากตั้งโต๊ะในจุดที่ไม่เหมาะสม เด็กจะไม่มีสมาธิ บางครั้งเรานึกว่าลูกขี้เกียจดูหนังสือที่บ้าน แต่พอเปลี่ยนจุดที่ตั้งโต๊ะเรียนให้เท่านั้น เด็กกลับขยันขึ้นมาได้ ถ้าเป็นเช่นนี้แสดงว่าโต๊ะเรียนนั้นตั้งผิดมาตั้งแต่แรก

สิ่งที่ไม่ควรทำที่สุด คือ การตั้งโต๊ะเรียนไว้ตรงหน้าต่าง เพราะภาพทิวทัศน์ต่างๆ จะอยู่ในสายตา ทำให้ไม่มีสมาธิ และสมองไม่ยอมทำงาน ยิ่งกว่านั้น แสงอาทิตย์ก็เป็นศัตรูร้ายต่อสมองด้วย จริงอยู่ บรรดาผักสดซึ่งเติบโตภายใต้แสงแดด เป็นอาหารสำคัญที่จำเป็นมากสำหรับสมอง แต่การให้ร่างกายรับแสงอาทิตย์โดยตรงนั้นไม่ดี เพราะแสงแดดมีรังสีอัลตราไวโอเลตซึ่งเป็นศัตรูต่อหัวคน ลองเอาภาพวาดสีวางไว้บนระเบียงที่ถูกแดดดูสิครับ สีบนภาพจะจางลงอย่างรวดเร็ว และเลือนหายไปภายใน 3 เดือน เพียงเท่านั้น ท่านผู้อ่านก็พอจะเข้าใจถึงพิษสงของแสงแดดแล้วละมังครับ

การไปทะเลเพื่ออาบแดดในฤดูร้อนเป็นสิ่งไม่ควรทำอย่างยิ่ง ชาวญี่ปุ่นชอบคิดว่า ฤดูร้อนต้องตากแดดจนผิวดำจึงจะดูเก๋ พอผิวเกรียมเป็นสีน้ำตาลไหม้ก็หลงดีใจ ทั้งๆ ที่เป็นความโง่เขลาแท้ๆ อยู่ดีๆ ไม่ชอบ อุตส่าห์ไปทะเลเพื่อไปตากแดดให้สมองเสื่อมลงทำไมก็ไม่ทราบ เรื่องที่ว่ารังสีเอกซเรย์จากเครื่องรับโทรทัศน์เป็นอันตรายต่อร่างกายและสายตานั้น เราได้ยินกันบ่อย และถูกเตือนอยู่เสมอว่าควรนั่งห่างจากจอภาพอย่างน้อย 3 เมตรขึ้นไป

แสงอาทิตย์มีพลังสูงกว่ารังสีจากจอโทรทัศน์ตั้งหลายสิบเท่าและเป็นอันตรายต่อร่างกาย สายตา รวมทั้งศีรษะด้วย พ่อแม่หลายคนห้ามไม่ให้ลูกดูโทรทัศน์ แต่กลับพาลูกไปตากแดดชายทะเล ทำแบบนี้แทนที่จะได้ผลดีกลับได้ผลร้าย อันที่จริงผมว่าควรให้ลูกดูโทรทัศน์ แต่ห้ามไปเที่ยวทะเลจะดีกว่า แต่กระนั้นก็ดี เมื่อถึงฤดูร้อน เด็กๆ ก็อยากไปเที่ยวทะเล การห้ามปรามอย่างเด็ดขาดจะทำให้เด็กเกิดอารมณ์ต่อต้าน เพราะใครๆ ก็ไปทะเล หากตัวเขาไม่ได้ไปและหน้ายังขาวนวลเป็นไข่ปอกอยู่ตลอดฤดูร้อน เด็กก็เข้ากับเพื่อนฝูงไม่ได้

อย่างไรก็ตาม เวลาไปเที่ยวทะเลต้องระวังมิให้ศีรษะถูกแสงแดดโดยตรง ควรสวมหมวกหรืออยู่ใต้ร่มเงา โดยเฉพาะช่วงแดดจัดระหว่างเที่ยงถึงบ่ายสามโมง อยู่ในร่มใต้หลังคาจะปลอดภัยกว่า อาจไปกินอาหารในร้านเป็นการหลบแดดไปในตัวก็ได้ ไม่เฉพาะแดดชายทะเลเท่านั้น เวลาอยู่ในเมืองหรือในชนบทก็เช่นเดียวกัน ช่วงกลางวันซึ่งแดดร้อนจัดหากต้องออกนอกบ้านควรสวมหมวกจนติดเป็นนิสัย และไม่ควรพาเด็กเล็กๆ ออกไปเดินเล่นเวลาแดดจัดเพราะมีแต่โทษไม่มีประโยชน์เลย

26. บริเวณดูหนังสือควรมีที่กั้น 3 ด้าน
คราวนี้ เรามาดูกันว่าควรตั้งโต๊ะเรียนตรงไหนจึงจะดีสำหรับสมอง สถานที่ตั้งโต๊ะเรียนจะแตกต่างกันตามสภาพของบ้านและห้องเด็ก ผมไม่สามารถกำหนดเฉพาะเจาะจงลงไปได้ว่าควรจะตั้งโต๊ะตรงไหน แต่จะกล่าวถึงข้อควรระวังในการเลือกสถานที่

อันดับแรก ผมได้กล่าวไว้ในหัวข้อก่อนว่า ไม่ควรตั้งโต๊ะเรียนตรงหน้าต่าง เพราะการเห็นทิวทัศน์ภายนอกทำให้ขาดสมาธิ ยิ่งกว่านั้นสภาพภายในห้องที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนก็ไม่ควรให้เห็นเช่นกัน ควรเลือกสถานที่ซึ่งไม่ถูกแดดโดยตรงและมีอากาศไหลถ่ายเทได้ดี เพราะอากาศในห้องบางจุดก็หยุดนิ่ง หากตั้งโต๊ะให้เด็กดูหนังสือตรงนั้นนานๆ แก๊สคาร์บอนไดออกไซด์จะเพิ่มขึ้น และแก๊สออกซิเจนน้อยลง ซึ่งแม้จะไม่ส่งผลกระทบต่อการหายใจปกติ แต่ก็ไม่ดีต่อสมอง ทำให้สมองเฉื่อยชาลง ในทางตรงกันข้าม หากมีลมโกรกมากเกินไปก็ไม่ดี เพราะทำให้รวมศูนย์สมาธิได้ยาก จิตใจวอกแวกได้ง่าย

ในทำนองเดียวกัน ควรหลีกเลี่ยงการตั้งโต๊ะเรียนใกล้ประตูเข้าออกด้วย เพราะถึงแม้จะปิดประตูดูหนังสือ ในใจของเด็กก็รู้อยู่ว่าประตูนั้นเป็นทางออกไปสู่โลกภายนอก จึงเป็นเหตุให้ใจกระสับกระส่ายได้เช่นกัน ไม่ควรตั้งโต๊ะเรียนใกล้เสาตึกเพราะเสาตึกมีโครงเหล็กอยู่ภายใน เมื่อเหล็กรับอิทธิพลจากแกนของโลกก็จะส่งผลไม่ดีต่อสมองของเด็กซึ่งกำลังดูหนังสือ และด้วยเหตุผลเดียวกันนี้ เราไม่ควรเอาโต๊ะเหล็กเป็นโต๊ะเรียน เพราะเหล็กได้รับอิทธิพลจากสนามแม่เหล็กโลก และไม่ดีต่อสมอง ควรใช้โต๊ะที่ทำด้วยไม้ ยิ่งเป็นโต๊ะไม้แบบเก่า ที่ไม่มีอะไรประดับประดายิ่งดี และเก้าอี้ก็ควรเป็นไม้ด้วย

ถ้าจะลงไปถึงรายละเอียดแล้ว แม้แต่ปากกาดินสอก็สู้ดินสอไม้ที่ต้องเหลาใช้ไม่ได้ เพราะปากกาดินสอที่ทำด้วยพลาสติกและโลหะย่อมได้รับอิทธิพลจากสนามแม่เหล็กด้วย การวางโต๊ะเรียนไว้กลางห้องผมว่าเป็นตำแหน่งที่แย่ที่สุด ควรวางโต๊ะให้ชนกับฝาผนังด้านใดด้านหนึ่งซึ่งปราศจากรูปโปสเตอร์หรือปฏิทินและต้องอยู่ห่างจากหน้าต่างด้วย นอกจากนั้นสองข้างโต๊ะควรมีที่กั้น เช่น เอาชั้นหนังสือมาตั้งไว้สองข้าง หรือใช้มู่ลี่กั้นก็ได้ ปล่อยให้ด้านหลังเท่านั้นที่ว่างได้ กล่าวคือ โต๊ะอยู่ในสภาพที่มีที่กั้นล้อมอยู่ 3 ด้าน ในสภาพนี้จะทำให้มีสมาธิ และเกิดพลังคิด เมื่อสมองอยู่ในสภาพเงื่อนไขที่ดีที่สุด ย่อมทำงานดีที่สุดด้วย

โต๊ะเขียนหนังสือของเด็กประถม (ญี่ปุ่น) สมัยนี้มักจะมีเครื่องประดับประดามากมาย ของบางบริษัทนอกจากทำด้วยเหล็กแล้ว ยังติดนาฬิกา ติดเทอร์โมมิเตอร์ บางแบบถึงกับมีลูกโลกติดอยู่กับโต๊ะ พ่อแม่ก็คิดว่าโต๊ะดีๆ มีสติกเกอร์สวยๆ ติดอยู่ด้วย อาจทำให้ลูกขยันดูหนังสือขึ้นบ้าง แต่ผมว่ามันให้ผลตรงกันข้ามนะครับ ยิ่งโต๊ะมีเครื่องประดับมากก็ยิ่งทำให้จิตใจของเด็กวอกแวก เมื่อเด็กไม่มีสมาธิ ย่อมขาดพลังคิด ต่อให้นั่งอยู่กับโต๊ะวันละหลายชั่วโมงผลการเรียนก็ไม่ดีขึ้น

ผมคิดว่าโต๊ะไม้แบบเรียบที่สุดนั่นแหละดีที่สุด ขอให้มีเพียงขาโต๊ะกับไม้พื้นโต๊ะเท่านั้นก็พอแล้ว เครื่องประดับที่ไม่จำเป็น มีผลทำให้สมองเหนื่อยโดยไม่จำเป็น เมื่อมีสถานที่ตั้งโต๊ะดีและมีที่กั้น 3 ด้านแล้ว สิ่งที่ควรคำนึงถึงอันดับต่อไป คือ แสงสว่าง หากมืดเกินไปจะเป็นต้นเหตุทำให้สายตาสั้น หากสว่างเกินไปจะทำให้สายตาอ่อนล้า ถ้าเป็นไปได้น่าจะใช้สวิตช์ไฟที่ปรับแสงสว่างได้ตามความต้องการ ซึ่งเราสามารถปรับแสงสว่างให้พอดีกับสภาพร่างกายและสภาพสมองของเราในแต่ละวันได้

ข้อมูลสื่อ

121-024
นิตยสารหมอชาวบ้าน 121
พฤษภาคม 2532
อื่น ๆ
Dr.YOSHIRO NAKAMATSU, พรอนงค์ นิยมค้า