• ขนาดตัวอักษร  Normal size text | Increase text size by 10% | Increase text size by 20% | Increase text size by 30%

แอโรบิก : อันตราย

แอโรบิก : อันตราย

ทุกวันนี้ ถ้ามีคนกล่าวถึงแอโรบิกแล้วเราถามว่าสิ่งนี้คืออะไร คงถูกหัวเราะเยาะว่าเชยไม่ทันสมัย แต่ถ้าถามอีกว่าอะไรคือแอโรบิก หลายๆ คนคงตอบไม่ถูกต้องนัก เคยมีผู้ตอบว่า แอโรบิกคือการเต้นแอโรบิก การเต้นแอโรบิก คือ การเต้นตามทำนองเพลงเร็วๆ บางคนตอบว่า การเต้นแอโรบิก คือ การชูมือ ยกขา เต้นขึ้นเต้นลง ก้มลงเงยขึ้น  หลายคนบอกว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีที่สุด เพราะต้องการอากาศในการออกกำลังกาย ต้องเต้นไม่หยุดเป็นเวลาไม่ต่ำกว่าครึ่งชั่วโมง แล้วทำให้น้ำหนักตัวลดลง

จากความเชื่อเหล่านี้ทำให้การออกกำลังกายชนิดอื่นๆ ล้าสมัยไป เพราะการเต้นแอโรบิกใช้สถานที่น้อย สนุกสนานกับเสียงเพลง และการที่มีผู้สอนเต้นแสดงอยู่เบื้องหน้า ทำให้ผู้เต้นตามอดนึกไม่ได้ว่า สักวันหนึ่งเราคงมีรูปร่างประเปรียว ได้ส่วนเหมือนผู้สอนเหล่านั้น เกิดความสุขทางใจขณะเต้นไปด้วย แต่แล้วเหตุการณ์ที่ต้องเกิดมันก็เกิดขึ้น หลายคนข้อเท้าแพลงเนื่องจากเต้นขึ้นลงมากเกินไป และเมื่อเริ่มรู้สึกปวดแล้วยังฝืนเต้นต่อไป

บางคนปวดหลังบริเวณบั้นเอวจนมีอาการปวดร้าวลงมาที่ด้านหลังของต้นขาและน่อง บางคนเจ็บปวดหัวเข่าเพราะมีการเสื่อมอยู่แล้ว เกิดหินปูนพอกรอบๆ ข้อต่อ เมื่อเต้นสักพักหนึ่งก็เกิดอาการอักเสบขึ้นมา
ส่วนใหญ่น้ำหนักจะไม่ลดลงทันที หรือลดในช่วงแรกเพียงเล็กน้อย การออกกำลังกายแบบแอโรบิกเป็นวิธีการออกกำลังกายวิธีหนึ่งซึ่งนักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า สามารถเพิ่มความสามารถของการใช้ออกซิเจนของร่างกายได้มากขึ้น แต่การออกกำลังกายด้วยวิธีอื่นๆ ย่อมมีประโยชน์ด้วย เช่น การเกร็งกล้ามเนื้อ ซึ่งเป็นการออกกำลังกายแบบไม่ใช้ออกซิเจนในขณะที่กล้ามเนื้อกำลังหดตัวอยู่ แต่หลังจากหดตัวแล้วต้องใช้ออกซิเจนในการเผาผลาญกรดแลกติกที่คั่งค้างอยู่ในชีวิตประจำวัน การหดตัวของกล้ามเนื้อเป็นแบบแอโรบิกและไม่เป็นแอโรบิกผสมผสานกันตลอดเวลา

เนื่องจากการออกกำลังกายแบบแอโรบิกไม่ทำให้เกิดการคั่งค้างของกรดแลกติกในกล้ามเนื้อ กล้ามเนื้อจึงไม่เมื่อยล้ามาก เหมาะสำหรับผู้ที่เป็นโรคหัวใจและผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก แต่ในกรณีที่มีโรคไขข้อ เช่น ปวดหลัง ปวดข้อเข่า หรือข้อเท้า การออกกำลังกายโดยการเต้นแอโรบิกย่อมเกิดอันตรายขึ้นได้

เนื่องจากการเต้นแอโรบิกส่วนใหญ่เต้นกันเป็นกลุ่มใหญ่ ผู้ควบคุมไม่สามารถดูแลได้ทั่วถึง จังหวะที่ใช้มักจะเลือกจังหวะที่เร็ว ทำให้ร่างกายของผู้เต้นวัยกลางคน ซึ่งกล้ามเนื้อเริ่มหดตัวช้าลงตามจังหวะไม่ทัน จึงเกิดการไม่สมดุลขึ้นระหว่างจังหวะเพลงและความเร็วของการเคลื่อนไหว เมื่อยิ่งอยากที่จะทำให้เร็วทันผู้อื่น ยิ่งทำไม่ได้ดั่งใจ การประสานงานของกล้ามเนื้อเสียไป ทำให้กล้ามเนื้อเส้นเอ็นฉีกขาดได้ง่ายเพราะแต่ละคนมีจังหวะการหดตัวของกล้ามเนื้อแตกต่างกัน

การเต้นขึ้นเต้นลงทำให้เกิดแรงกระแทกต่อข้อต่อของขามากโดยเฉพาะข้อเท้าและข้อเข่า ทำให้ผู้ที่มีข้อเข่าเสื่อมยิ่งเสื่อมมากและรวดเร็วขึ้นกว่าปกติ ข้อเท้ายิ่งแพลงได้ง่าย ผู้ที่มีอาการกระดูกสันหลังไม่ตรงหรือมีอาการปวดหลังจะปวดหลังมากขึ้น เพราะการก้มทำให้ข้อต่อถูกบิดตัวมากเกินไป และหมอนรองกระดูกอาจเคลื่อนออกมากดทับถูกเส้นประสาท จนเกิดอาการชาที่ขาหรือทำให้กล้ามเนื้ออ่อนกำลังลงได้

การเต้นแอโรบิกจึงไม่เหมาะสมสำหรับผู้ที่กำลังเข้าสู่วัยกลางคนหรือผู้สูงอายุ เพราะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกายมากขึ้น แต่การออกกำลังกายแบบแอโรบิกนั้นมีหลายรูปแบบ เช่น การเดินเร็ว การว่ายน้ำ การขี่จักรยาน และการวิ่งสำหรับนักวิ่งประจำ การว่ายน้ำ การขี่จักรยาน เป็นการออกกำลังกายที่ไม่ลงน้ำหนักที่ข้อต่อขณะบริหารข้อต่อนั้น จึงช่วยให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นโดยไม่ทำให้ข้อต่อเสื่อมเร็วขึ้น

มีคำถามอีกมากมายที่ต้องการรู้ว่าการออกกำลังกายตามจังหวะเพลงนั้นดีหรือไม่ คำตอบคือ ดี แต่แทนที่จะเต้นบนเท้าในท่ายืน น่าจะลงมาบริหารบนพื้นไม้หรือบนเบาะบางๆ หนาประมาณ 2 นิ้ว ในท่านั่ง ท่านอนหงาย ท่านอนคว่ำ หรือแม้กระทั่งท่าคลาน ผู้สอนควรจะรู้สภาพของกล้ามเนื้อและข้อต่อของผู้ร่วมกิจกรรม และให้ออกกำลังกายเฉพาะท่าที่ไม่เป็นอันตรายต่อส่วนเหล่านั้น ควรจะแบ่งกลุ่มผู้ร่วมออกกำลังกายตามอายุ เพราะการเลือกใช้ท่าต่างๆและจังหวะเพลงจะแตกต่างกับกลุ่มอื่น และควรเป็นกลุ่มละไม่เกิน 10 คน

จะเห็นได้ว่าการเต้นแอโรบิกจะปลอดภัยและเป็นประโยชน์ได้ย่อมขึ้นอยู่กับความพร้อมของผู้สอน และผู้ร่วมออกกำลังกาย ดังนั้น ผู้สอนควรจะมีความรู้ทางโครงสร้างของร่างกาย โดยเฉพาะระบบกระดูกข้อต่อกล้ามเนื้อ และสรีรวิทยาของการออกกำลังกาย ไม่ใช่รู้แต่ท่าที่จะเต้นซึ่งลอกเลียนแบบมาจากชาวต่างประเทศ ซึ่งมีร่างกายแตกต่างกับคนไทย ควรรู้จักประยุกต์ท่าต่างๆ ให้เหมาะกับแต่ละกลุ่มและต้องมีความรู้เรื่องดนตรีด้วย

ส่วนผู้เต้นต้องรู้ว่าตนเองเจ็บปวดที่ใดบ้าง และไม่ฝืนทำท่าต่างๆโดยคิดเอาเองว่าทำบ่อยๆ แล้ว ความเจ็บปวดนั้นจะหายไป เพราะปรากฏว่าความเจ็บปวดอาจหายไป แต่กลับกลายเป็นอาการชาและอ่อนแอของกล้ามเนื้อแทน แทนที่จะส่งเสริมสุขภาพกลับเป็นการทำลายสุขภาพ

แอโรบิกจะไม่เป็นอันตรายได้ถ้าเข้าใจว่าแอโรบิกไม่ใช่ต้อง “เต้น” เสมอไป
 

ข้อมูลสื่อ

121-031
นิตยสารหมอชาวบ้าน 121
พฤษภาคม 2532
รศ.ประโยชน์ บุญสินสุข