“ยาแก้อักเสบ” ความเข้าใจผิดของชาวบ้าน
เมื่อเกิดฟกช้ำดำเขียว ชาวบ้านมักซื้อยา “แก้อักเสบ” มากินเอง ซึ่งมักจะได้ยาปฏิชีวนะต่างๆ ที่ได้ฟังได้เห็นจากการโฆษณาในรูปแบบต่างๆ ว่าเป็นยาแก้อักเสบ ยาปฏิชีวนะเป็นยารักษาการอักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย ไม่ใช่การอักเสบจากการบาดเจ็บฟกช้ำดำเขียว
ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ “ยาแก้อักเสบ” จึงเป็นความเข้าใจผิดที่เป็นผลเสียอย่างใหญ่หลวงสำหรับชาวบ้าน เพราะต้องสูญเสียเงินทองซื้อหายาที่ไม่เกิดประโยชน์ ไม่ช่วยให้อาการอักเสบดีขึ้น ซ้ำยังเกิดโทษได้อีกหลายประการ
การใช้ยาปฏิชีวนะนั้น อาจทำให้เกิดอาการแพ้ยาได้ในรูปแบบต่างๆ เช่น เป็นผื่นคัน ปากเปื่อยเป็นแผล คลื่นไส้ อาเจียน เป็นพิษต่อตับ ต่อไต และช็อกจนเสียชีวิตได้ โดยเฉพาะยาฉีดประเภทเพนิซิลลิน
การใช้ยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อทำให้เชื้อโรคดื้อยา ทำให้ใช้ยานั้นรักษาการอักเสบติดเชื้อไม่ได้ผลในโอกาสต่อไป
อาการอักเสบที่เกิดจากการได้รับบาดเจ็บมีวิธีการบำบัดรักษาเบื้องต้นที่สำคัญ ได้แก่
1. ให้ส่วนที่ได้รับบาดเจ็บพัก เช่น ถ้าเป็นที่ขา ก็อาจจะนอนพักหรือเดินโดยใช้ไม้เท้าช่วย ถ้าเป็นที่แขนก็หยุดใช้แขนนั้นทำงานหนัก ปกติพัก 2-5 วัน ก็เพียงพอ
2. ถ้าบวมมาก ให้ยกส่วนที่อักเสบสูงกว่าระดับหัวใจเพื่อให้ยุบบวม
3. ในรายที่มีเลือดออกในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง จะบวมและเห็นเป็นสีเขียวคล้ำ ให้ใช้น้ำแข็งประคบเป็นพักๆ ใน 24 ชั่วโมงแรก ต่อจากนั้นให้ประคบด้วยความร้อน
4. อาจใช้ผ้ายืดพันให้แน่นพอสมควร
5. ให้ยาแก้ปวดเป็นครั้งคราวตามอาการ
หากเป็นมาก หมออาจให้ยาแก้อักเสบที่ไม่ใช่ยาปฏิชีวนะในบางรายที่เห็นว่าจำเป็น
หากฟกช้ำดำเขียวเพียงเล็กน้อย พักเพียงไม่กี่วันก็หายเอง ฟกช้ำดำเขียวก็เจ็บเพียงพออยู่แล้ว อย่ากินหรือฉีดยาปฏิชีวนะที่เรียกกันว่า “ยาแก้อักเสบ” เพื่อซ้ำเติมตัวเองอีกเลย
- อ่าน 3,027 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้