ผู้ที่สนใจจะรักษาตนเองเบื้องต้น ในยามเจ็บป่วย ก่อนอื่นก็ควรจะรู้จักตัวเองในยามไม่เจ็บป่วยเสียก่อน คอลัมน์ “ร่างกายของเรา” จะมาคุยกับท่านเกี่ยวกับเรื่องความเป็นไปในร่างกายของตัวเราเองในยามปกติหรือเรียกให้หรูอีกนิดคือ ว่าด้วยวิชากายวิภาคสรีรวิทยาระดับชาวบ้าน ซึ่งเราจะเล่าสู่กันฟังเป็นตอนๆ ไป
จมูกที่จะพูดถึงไม่ได้หมายความแค่จมูกสวยๆ ที่เรามองเห็นเป็นส่วนประกอบของใบหน้าเท่านั้น แต่เราจะมาดูถึงลักษณะและกลไกภายในจมูก
จมูกเป็นโพรง 2 ข้าง คั่นกลางด้วยกระดูกอ่อนชิ้นบางๆ ให้เป็น 2 รู ในจมูก แต่ละข้างมีลักษณะคล้ายถ้ำ เพราะมีกระดูกเป็นหลบเป็นชั้นอยู่เพื่อเพิ่มพื้นที่ในการทำงานของจมูก โพรงจมูกบุด้วยเนื้อเยื่ออ่อนซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของผิวหนังที่อ้อมเข้าไปในโพรงจมูก ส่วนหน้าของรูจมูกมีขนเหมือนกับขนของผิวหนังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย ขนนี้มีหน้าที่กันไม่ให้เศษฝุ่น ละออง ตัวแมลงหลงเข้าไปทางเดินหายใจ เนื้อเยื่อที่บุโพรงจมูกมีหน้าที่ขับสารและน้ำมาหล่อเลี้ยงจมูก เวลาเราหายใจเข้าไปน้ำมูกจะเป็นตัวเติมความชื้นให้กับอากาศ ถ้าเยื่อจมูกอักเสบ จากหวัดหรือถูกระคายเคืองด้วยกลิ่น อันเป็นสารเคมีชนิดที่ก่อให้เกิดการระคายจมูกแล้ว น้ำมูกจะถูกขับออกมามากกว่าปกติ
โพรงจมูกมีรูติดต่อกับกระดูกใบหน้าหรือที่เรียกกันว่า ไซนัส หรือโพรงข้างจมูก ไซนัสที่สำคัญอยู่ในกระดูกแก้ม และในกระดูกหน้าผากบริเวณห่างคิ้ว โพรงไซนัสมีหน้าที่ทำให้กะโหลกศีรษะมีน้ำหนักเบาทำให้เราไม่หนักหัว ไซนัสก็เหมือนจมูกคือมีเนื้อเยื่ออ่อนบุอยู่ ดังนั้นเมื่อจมูกอักเสบ จากเชื้อหวัด โอกาสที่เยื่อบุไซนัสจะอักเสบก็มีมากทีเดียว ยิ่งใครเป็นหวัดบ่อยๆ เยื่อบุบริเวณรูปเปิดของไซนัสที่ต่อกับจมูกจะบวมทำให้รูดังกล่าวนั้นปิด และอาจทำให้เกิดไซนัสอักเสบไปด้วย
บริเวณเยื่อบุที่คั่นโพรงจมูกที่อยู่ตรงกลางมีเส้นเลือดมาเลี้ยงหนาแน่นมาก เวลาจมูกอักเสบบ่อยๆ เส้นเลือดจะพองตัวออก เยื่อบุในจมูกอ่อนแอลงเส้นเลือดดังกล่าวจะฉีกขาดได้ง่าย ทำให้เลือดออกทางจมูกหรือที่เรียกว่า เลือดกำเดา เมื่อเลือดกำเดาไหล ควรกดบริเวณนี้โดยการบีบจมูกเข้าหากัน แล้วให้หายใจทางปาก ใช้น้ำแข็งประคบบริเวณจมูก 5- 10 นาที เลือดหยุดไหล ถ้ายังไม่หยุดไหล ควรไปหาหมอได้แล้ว
สำหรับดั้งจมูกที่เป็นส่วนทำให้จมูกสวยหรือไม่สวยนั้น ประกอบด้วยกระดูก 2 ส่วน คือ ครึ่งบนที่เป็นที่วางของขาแว่นตาเวลาเราใส่แว่น เป็นกระดูกซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกระดูกใบหน้างอกยื่นออกมาเป็นสันสามเหลี่ยม ครึ่งล่างอันเป็นส่วนใหญ่ของดั่งจมูกจะเป็นกระดูกอ่อนเหมือนกับแผ่นกระดูกอ่อนที่คั่นกลางโพรงจมูก
จมูกของเรามีไว้หายใจและดมกลิ่น หน้าที่ในการดมกลิ่นของจมูกดูเหมือนในมนุษย์ จะไม่มีความสำคัญมากมายนักหากเทียบกับสัตว์ สำหรับสัตว์การดมมีความจำเป็นและสำคัญต่อชีวิตของมันมากทีเดียว เพราะกลิ่นที่มันดมได้จะบอกถึงที่มาของอาหาร บอกถึงศัตรูที่มากล้ำกราย และบอกถึงกลิ่นคู่ของมัน สำหรับการดมกลิ่นของคนเรา เป็นไปเพื่อความรื่นรมย์เสียมากกว่า แต่อย่ามาบอกว่ากลิ่นนั้นไม่มีความสำคัญ หรือจมูกไม่ต้องรับรู้กลิ่นก็ได้นะ ไม่มีใครยอมที่จะไม่รับรู้กลิ่นหรอก เพราะนั้นจะหมายความว่าชีวิตเขาขาดความสุนทรีย์ไปทีเดียวอย่างเช่น มองดอกมะลิก็เห็นแต่ดอกเล็กๆ ขาวๆ ไม่ได้กลิ่นมะลิ ไปชายทะเลก็ไม่ได้กลิ่นสดชื่นของทะเล กินข้าก็ไม่อร่อยเพราะไม่ได้กลิ่นหอมของกับข้าว
ทำไมเราจึงได้กลิ่นทางจมูก
ก็ภายในจมูกมีประสาทรับกลิ่นซึ่งเป็นประสาทคู่ที่ 1 ของเส้นประสาทสมอง ประสาทที่ว่านี้กระจายอยู่ส่วนบนของจมูก มีหน้าที่รับรู้กลิ่นต่างๆ ในอากาศที่เราหายใจเข้าไป ประสาทนี้ไวมาก สามารถแยกแยะกลิ่นต่างๆ ได้ร้อยแปด เช่น กลิ่นดอกราตรี กลิ่นน้ำปลา กลิ่นแกงเผ็ด ออกจากกันเป็นต้น เมื่อประสาทรับกลิ่นได้รับสัญญาณแล้วก็จะรายงานสมองเพื่อรับรู้กลิ่นดังกล่าว ประสาทส่าวนนี้ไม่เคยทำงานผิดพลาดเลย เมื่อได้กลิ่นกุหลาบ มันจะไม่ส่งสัญญาณเป็นกลิ่นมะลิไปยังสมองเป็นเด็ดขาด
ในวันหนึ่งๆ จมูกเราได้กลิ่นต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นในบ้านหรือนอกบ้าน เราสามารถได้กลิ่นปลาเค็มทอดโดยไม่ต้องเดินเข้าไปในครัวด้วยซ้ำ ได้กลิ่นน้ำหอมของผู้หญิงสวยๆ โดยไม่จำเป็นต้องหันไปมอง กลิ่นอื่นๆ เช่นกลิ่นหญ้าที่ถูกตัดใหม่ๆ กลิ่นหอมของดอกไม้ กลิ่นควันไฟ และกลิ่นอื่นๆ อีกมากมาย
การรับรู้กลิ่นของคนเราเป็นการรับรู้ที่ประหลาด คือ พอดมกลิ่นซึ่งก็คือโมเลกุลของสารเคมีอย่างหนึ่งลอยปะปะเข้ามากระทบจมูกของเรา เราก็จะได้กลิ่นนั้นทันที แต่ถ้าเรานั่งอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่ง จมูกเราก็จะชาชินต่อการกระตุ้นของกลิ่นนั้นๆ และจะไม่ได้กลิ่นอีกดังนั้นจึงไม่น่าแปลกเลยที่ว่า บ้านใครน้ำเน่าท่วมเป็นเดือนๆ เขาจึงทนอยู่ได้ เพราะเขาได้กลิ่นน้ำเน่าเฉพาะตอนเข้าบ้าน พออยู่ๆไป ก็จะไมได้กลิ่นอะไรอีก หรือคงเคยพบว่าเมื่อเพื่อนของคุณเปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วเขาถามว่า หอมกลิ่นอะไรนะ โดยที่คุณไม่รู้สึกด้วยซ้ำ
สำหรับสัตว์ ดังที่ได้กล่าวมาแล้วว่า การดมกลิ่นเป็นสิ่งจำเป็นต่อชีวิตของมันมาก สัตว์จึงสามารถแยกแยะกลิ่นต่างๆ ได้ละเอียดลออมากกว่าคน เช่น หมาจำกลิ่นเจ้าของมัน จำแนกกลิ่นตัวของคนแปลกหน้าได้ นอกจากนี้จมูกสัตว์ยังไวต่อกลิ่นมากกว่า อย่างเช่น แม้ว่าคุณจะอยู่นอกบ้าน หมาก็ยังจำกลิ่นเจ้าของมันได้จากลมที่โชยเอากลิ่นตัวของคนเข้ามาในบ้าน มันจึงเห่าทักคุณได้ก่อนที่เห็นตัว สำหรับสัตว์ป่ายังมีความสามารถพิเศษในการดมกลิ่นยิ่งกว่าสัตว์เลี้ยง สัตว์ที่ไม่มีเขี้ยว อย่างกวางและกระต่าย มักจะได้กลิ่นที่บ่งบอกอันตรายที่มาแต่ไกล นับเป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งที่ช่วยสงวนพันธุ์สัตว์พวกนี้ไว้ เพราะกว่าศัตรูของมันจะมาถึงตัว มันก็วิ่งหนีไปไกลลิบ
ทุกคนมีกลิ่นตัว นี่เป็นเรื่องจริง กลิ่นตัวในที่นี้ไม่ได้หมายความถึงกลิ่นอันไม่พึงประสงค์ แต่เป็นกลิ่นประจำตัว อันเกิดจากเหงื่อไคล และไขมันที่ผิวหนังผลิตออกมา การรักษาร่างกายให้สะอาดอยู่เสมอจะทำให้มีกลิ่นกานสดชื่น การหมักหมมเหงื่อโดยการไม่อาบน้ำจะทำให้มีกลิ่นตัวแรง
หากเราเป็นหวัด เรามักจะไม่ได้กลิ่นอะไรเลย เพราะเยื่อจมูกบวมทำให้คัดจมูก หายใจลำบาก มีผลทำให้ปลายประสาทไม่สัมผัสกับกลิ่นในอากาศ เราจึงไม่ได้กลิ่น ประสาทรับกลิ่นนี้ไม่ได้อยู่ในโพรงปากหรือคอ หากแต่อยู่ในจมูกเท่านั้น ถ้าเราหายใจทางปากเราจะไม่ได้กลิ่นอะไร การได้อาหาร เวลาคุณเป็นหวัดมักจะทานอาหารไม่อร่อย ไม่ค่อยรู้รส จะทดลองดูเดี๋ยวนี้เลยยังได้ บีบจมูกตัวเองไห้แน่นๆ หลับตาเสีย ลองให้ใครหาขนมใส่ปากดู หลังจากนั้นก็ลองกินเจ้าของสิ่งนั้นแบบธรรมดาๆ จะรู้สึกว่ารสชาด 2 ครั้งนี้ผิดกันจริงๆ
ที่กล่าวมาเป็นเรื่องของการับกลิ่นของจมูกเป็นส่วนใหญ่ หน้าที่ในการหายใจจะมีกล่าวในเรื่องการหายใจและการทำงานของปอด
- อ่าน 28,918 ครั้ง
- พิมพ์หน้านี้